นกแก้วเป็นสัตว์เลี้ยงที่น่าสนใจและยอดนิยม โดยทั่วไปผู้คนมักจะเลือกรับนกแก้วที่โตแล้วเข้ามาเลี้ยงเป็นส่วนใหญ่ อย่างไรก็ตาม วิธีเลี้ยงลูกนกแรกเกิด การที่รับนกแก้วมาเลี้ยงตั้งแต่ยังอายุน้อยจะทำให้นกแก้วเหล่านี้เลี้ยงง่ายแต่เชื่องกว่า คุณจะได้เห็นนกเติบโตภายในบ้านและจะทำให้คุณรู้สึกเหมือนเลี้ยงเด็กที่กำลังจะเติบโต สำหรับการเลี้ยงลูกนกมันไม่ง่ายอย่างที่คิด คุณจะต้องดูแลเอาใจใส่พวกมันเป็นพิเศษ
และสิ่งที่สำคัญที่สุดของการเลี้ยงลูกนกคือการให้อาหารลูกนก และคุณควรรับลูกนกมาเลี้ยงหลังจากพวกมันหย่านมแล้ว สำหรับการให้อาหารลูกนกนั้นมีหลายปัจจัย คุณจะต้องรู้เกี่ยวอาหารทีจะให้ จำนวนครั้งที่ให้อาหารต่อวัน และ อุณหภูมิของอาหาร เป็นต้น ในบทความนี้จะทำให้คุณเข้าใจกระบวนการและวิธีเลี้ยงลูกนกแรกเกิด
การเตรียมตัวก่อนรับลูกนกแรกเกิดมาเลี้ยง
ก่อนการเลี้ยงลูกนกแรกเกิด ผู้เลี้ยงจำเป็นต้องทำความเข้าใจเกี่ยวกับการเตรียมตัวและอุปกรณ์ที่สำคัญ เช่น
- อุปกรณ์ให้ความอบอุ่น เช่น หลอดไฟแสงสีเหลืองหรือผ้าห่มไฟฟ้า ที่จะช่วยรักษาอุณหภูมิให้เหมาะสมกับลูกนก
- กรงหรือกล่องที่ปลอดภัย ควรเป็นพื้นที่ที่สะอาด ปลอดภัยจากแมลงและสัตว์อื่น ๆ
- อาหารสำหรับลูกนก ต้องเตรียมอาหารที่เหมาะสม เช่น สูตรอาหารสำเร็จรูปสำหรับลูกนก หรืออาหารสูตรพิเศษที่มีส่วนผสมช่วยเสริมสร้างการเจริญเติบโต
ต้องป้อนอาหารลูกนกบ่อยแค่ไหน?
วิธีเลี้ยงลูกนกแรกเกิด ลูกนกต้องการตารางสำหรับการให้อาหารที่เหมาะสม ความถี่ในการให้อาหารขึ้นอยู่กับการเจริญเติบโตของนกแก้ว คุณต้องเข้าใจขั้นตอนการเจริญเติบโตของพนกแก้วเพื่อที่ให้อาหารนกแก้วได้อย่างถูกต้อง
อายุ 0 – 1 สัปดาห์
ในช่วงแรกเกิด ลูกนกต้องการสารอาหารบ่อยครั้งเพราะระบบย่อยอาหารทำงานอย่างต่อเนื่อง:
- ความถี่ในการป้อน: ทุก 2 ชั่วโมง รวมถึงเวลากลางคืน
- ปริมาณอาหาร: เริ่มต้นปริมาณน้อย ๆ และค่อย ๆ เพิ่มตามความจุของกระเพาะและการย่อยอาหารของลูกนก
- ลักษณะของอาหาร: ใช้อาหารสูตรสำหรับลูกนกแบบเหลวที่อุ่น ไม่ร้อนเกินไป หรือเย็นเกินไป
เคล็ดลับ: สังเกตพฤติกรรมลูกนกเสมอ หากลูกนกดูพอใจและหลับไปหลังทานเสร็จ ถือว่าอิ่ม หากยังทำท่าทางหิว ให้ป้อนอีกนิดหน่อย
อายุ 1 – 2 สัปดาห์
ในช่วงนี้ กระเพาะของลูกนกเริ่มขยายตัว สามารถรับอาหารได้มากขึ้น และเริ่มลดความถี่ลง
- ความถี่ในการป้อน: ทุก 3 ชั่วโมง ทั้งกลางวันและกลางคืน
- ปริมาณอาหาร: สามารถเพิ่มปริมาณอาหารให้เหมาะสม โดยสังเกตจากการที่กระเพาะลูกนกดูเต็มพอดี
- ลักษณะของอาหาร: ยังควรเป็นอาหารเหลว แต่อาจทำให้ข้นขึ้นเล็กน้อยเพื่อให้ลูกนกได้รับสารอาหารที่มากขึ้น
ข้อควรระวัง: ควรหลีกเลี่ยงการป้อนอาหารจนเต็มมากเกินไป เพราะอาจทำให้ลูกนกท้องอืดได้
อายุ 2 – 3 สัปดาห์
ลูกนกเริ่มสามารถห่างหายจากการป้อนอาหารได้มากขึ้น และอาจเริ่มลดการป้อนอาหารในช่วงกลางคืน
- ความถี่ในการป้อน: ทุก 4 ชั่วโมง และอาจป้อนเฉพาะกลางวันได้แล้ว
- ปริมาณอาหาร: เพิ่มปริมาณอาหารตามขนาดและความต้องการของลูกนก
- ลักษณะของอาหาร: สามารถทำให้เนื้ออาหารข้นขึ้น และเพิ่มปริมาณโปรตีนสำหรับการเติบโต
อายุ 3 – 4 สัปดาห์
ลูกนกเริ่มสามารถกินได้ในปริมาณมากขึ้น ความถี่ในการป้อนอาหารสามารถลดลงอย่างมาก
- ความถี่ในการป้อน: ทุก 5-6 ชั่วโมง และป้อนเฉพาะในช่วงกลางวันได้
- ปริมาณอาหาร: สามารถป้อนในปริมาณมากขึ้นและเริ่มมีเนื้ออาหารที่หนาแน่นกว่าเดิม
- ลักษณะของอาหาร: ค่อย ๆ ลดความเหลวของอาหาร ทำให้อาหารหนืดขึ้น เพื่อเตรียมความพร้อมให้ลูกนกฝึกทานอาหารเองในอนาคต
อายุ 5 สัปดาห์ขึ้นไป
ลูกนกในช่วงนี้เตรียมตัวสู่การกินอาหารแข็งและเริ่มหัดกินด้วยตัวเองได้แล้ว
- ความถี่ในการป้อน: สามารถป้อนวันละ 3-4 ครั้ง เท่านั้น และเฉพาะกลางวัน
- ปริมาณอาหาร: สามารถป้อนในปริมาณที่มากขึ้น และอาจลดความถี่ลงหากลูกนกเริ่มหัดจิกกินอาหารเอง
- ลักษณะของอาหาร: เริ่มให้ลูกนกฝึกกินอาหารแข็ง เช่น เมล็ดพืช หรือผักผลไม้ที่หั่นละเอียดผสมกับอาหารลูกนก
คำแนะนำพิเศษ
- สังเกตสภาพกระเพาะของลูกนก – หากกระเพาะเต็มและลูกนกยังท่าทางหิว ให้รอจนกระเพาะย่อยก่อนจึงค่อยป้อนใหม่
- อุณหภูมิของอาหาร – อาหารต้องอุ่น ๆ ประมาณ 38-40 องศาเซลเซียส เพราะถ้าร้อนเกินไปอาจทำให้ลูกนกได้รับบาดเจ็บในช่องปากและหลอดอาหาร
- การป้อนด้วยไซริงค์ – ไซริงค์ขนาดเล็กที่เหมาะสมเพื่อป้องกันการสำลัก และควรป้อนอย่างช้า ๆ เพื่อให้ลูกนกย่อยและรับอาหารได้อย่างเต็มที่
- สังเกตการย่อยของลูกนก – หากลูกนกท้องอืดหรือย่อยไม่ดี ให้ปรับสูตรอาหารและปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ
การป้อนอาหารที่ถูกต้องและใส่ใจในรายละเอียดเป็นกุญแจสำคัญในการเลี้ยงลูกนกให้เติบโตอย่างแข็งแรง
วิธีป้อนอาหารลูกนกด้วยไซริงค์
- ผสมสูตรอาหารสำหรับลูกนกให้ถูกต้อง
- ตรวจสอบอุณหภูมิของอาหารที่ผสมเสร็จเรียบร้อยแล้ว จะต้องไม่ร้อนและไม่เย็นจนเกินไป
- อุ้มลูกนกอย่างเบามือ ขณะให้อาหาร โดยปกตินกแก้วจะเริ่มอ้าปากค้างเพื่อรับอาหาร หากนกแก้วไม่อ้าปากให้แตะจงอยปากเบาๆ เพื่อให้ลูกนกอ้าปาก
- นำสายไซริงค์ไว้ทางด้านซ้ายของปากลูกนกแล้วขยับมาทางขวาอย่างระมัดระวัง
ข้อควรระวังในการป้อนอาหารด้วยไซริงค์
- การใช้ไซริงค์อย่างระมัดระวัง: ป้องกันการป้อนเร็วเกินไป เพราะอาจทำให้ลูกนกสำลักและอาหารไหลเข้าสู่ปอดได้
- ปริมาณอาหารที่พอเหมาะ: ปริมาณอาหารที่เหมาะสมต้องไม่มากเกินไป โดยขึ้นอยู่กับอายุและสายพันธุ์ของลูกนก
- การดูแลความสะอาดของไซริงค์: ล้างไซริงค์ให้สะอาดทุกครั้งหลังใช้งาน เพื่อป้องกันการสะสมของเชื้อโรค
เคล็ดลับเพิ่มเติมในการป้อนลูกนกให้ปลอดภัย
- คอยให้ลูกนกกลืนอาหารลงก่อนค่อยดันอาหารเพิ่ม
- ควรป้อนในสถานที่เงียบสงบเพื่อไม่ให้ลูกนกรู้สึกเครียด
- หากลูกนกมีอาการสำลักบ่อย ควรหยุดการป้อนทันทีและปรึกษาสัตวแพทย์
การป้อนอาหารด้วยไซริงค์ต้องใช้ความชำนาญและสังเกตลูกนกอย่างใกล้ชิด เมื่อลูกนกได้รับการป้อนอย่างถูกต้องก็จะทำให้เติบโตแข็งแรงและปลอดภัย
5 สิ่งที่ควรระวังขณะให้อาหารลูกนก
1. จับให้อยู่ตำแหน่งที่ถูกต้อง
คุณจะต้องอุ้มลูกนกใก้อยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้อง หากอุ้มผิดวิธีทางเป็นอันตรายต่อลูกนกได้ และยังต้องรู้วิธีการป้อนอาหารอย่างเหมาะสม ลูกนกจะไม่ยอมกินหากคุณอุ้มผิดวิธี
วิธีอุ้มลูกนก
- จับที่บริเวณหัวของลูกนก
- วางนิ้วทั้งสองที่ข้างปากนกแก้วและด้านหลังศีรษะ
- นำอุปกรณ์ป้อนอาหารไว้บริเวณปากนกแก้ว
- เริ่มให้ป้อนอาหารให้นกแก้วได้เลย
2. ป้อนอาหารอย่างระมัดระวัง
คุณต้องมีอุปกรณ์ในการป้อนอาหารลูกนก ลูกนกมีปากเล็ก ดังนั้นจึงต้องวางอุปกรณ์ไว้ในปากอย่างระมัดระวัง ลูกนกไม่ควรได้รับบาดเจ็บขณะให้อาหาร ส่วนใหญ่อุปกรณ์จะเก็บไว้ที่ด้านซ้ายของปากของลูกนกแล้วส่งต่อไปยังด้านขวาขณะป้อนอาหาร
3. ปริมาณของอาหาร
ปริมาณของอาหารนกแก้วเป็นสิ่งสำคัญอย่างมาก หากคุณให้อาหารมากไปอาจทำให้เกิดปัญหาสุขภาพกับลูกนกได้
4. ตรวจสอบอุณหภูมิของอาหาร
ควรตรวจสอบอุณหภูมิของอาหารก่อนป้อนทุกครั้ง อย่าให้อาหารร้อนจัด อ่านคำแนะนำในบรรจุภัณฑ์และนำไปไว้ในอุณหภูมิที่เพียงพอ คุณสามารถตรวจสอบอุณหภูมิของอาหารด้วยเทอร์โมมิเตอร์ ตรวจสอบอุณหภูมิของสูตรด้วยนิ้วของคุณอีกครั้งก่อนเติมลงในอุปกรณ์ป้อนอาหาร
5. พื้นที่ให้อาหาร
ลูกนกสามารถเก็บไว้ในกรงได้หลังจาก 4 สัปดาห์ และสำหรับการป้อนอาหารด้วยมือภายในกรงนั้นทำได้ยากและลำบาก ควรนำลูกนกออกมาวางไว้ในพื้นที่ที่สะดวกสบายและปลอดภัยภายในบ้านของคุณ วางไว้ในผ้าขนหนูที่นุ่มและสะอาด
อุณหภูมิในการเลี้ยงลูกนกแรกเกิด
- ลูกนกแรกเกิดควรได้รับความอบอุ่นที่อุณหภูมิ 36-37 °C (องศาเซลเซียส)
- เมื่ออายุ 5 – 12 วัน อุณหภูมิ 32 – 35 °C (องศาเซลเซียส)
- เมื่ออายุ 12 วัน ถึงระยะขนขึ้น เป็น ขนหนาม อุณหภูมิ 30 – 32 °C (องศาเซลเซียส)
- เมื่อมีขนคลุมเกือบทั่วทั้งตัว อุณหภูมิ 26.5 + °C (องศาเซลเซียส)
สรุป
สำหรับการให้อาหารลูกนกแก้วนั้นไม่ใช่เรื่องยาก แต่ลูกนกต้องการการดูแลที่คล้ายคลึงกับเด็กทารก คุณจะต้องเข้าใจกระบวนและทำความเคยชิน แล้วการให้อาหารลูกนกจะเป็นเรื่องง่ายสำหรับคุณ อย่างไรก็ตาม คุณจะต้อง จับลูกนกอย่างนุ่มนวล และตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณใช้ภาชนะที่สะอาดทุกวันเพื่อหลีกเลี่ยงการติดเชื้อแบคทีเรีย
เราหวังว่าบทความนี้เกี่ยวกับวิธีการเลี้ยงลูกนก ตั้งแต่แรกเกิดจะช่วยให้คุณเข้าใจกระบวนการทั้งหมดในการเลี้ยงลูกนก เป็นงานที่ต้องใช้ความอ่อนโยนและความเอาใจใส่ เราหวังว่าตอนนี้คุณสามารถให้อาหารนกแก้วลูกน้อยของคุณได้อย่างง่ายดายและเมื่อเวลาผ่านไปคุณจะเก่งขึ้น
อ่านบทความเพิ่มเติม >> 5 วิธีเลี้ยงนกแก้ว และข้อควรพิจรณาก่อนเลี้ยง